ครั้งที่ 8
วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2555
เวลา 8.30 - 12.20 น.
สอบกลางภาค
****ค้นคว้าเพิ่มเติม****
อ่านแล้วเข้าใจ เข้าใจแล้วจด จดแล้วจำ จำแล้วทำให้ได้
นี่
เป็นปรัชญาที่ใช้กันมานาน บางคนก็อาจจะรู้อยู่แล้ว
ในการที่เราจะจำเนื้อหาของเรื่องที่เรียนไปได้แม่น
มันต้องเกิดจากความเข้าใจในเนื้อหานั้น
ก่อน ไม่ใช่สักแต่ว่าจำ จำอย่างเดียว จำแบบไม่เข้าใจอะไรเลย
การจำแบบนี้เป็นการจดจำระยะสั้น
และไม่สามารถนำไปใช้ในการทำข้อสอบแบบวิเคราะห์ได้ เพราะในขั้นตอนการจำ
ไม่มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เป็นไป
เลยทำให้ไม่รู้หลักเหตุและผล ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
หากข้อสอบออกมาไม่ตรงกับที่จำไป ก็จบเห่น่ะสิ
การเขียนหรือการจดโน้ต
เป็น
วิธีที่จะทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น
ซึ่งก่อนเขียนเราต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าจะเขียนอะไรลงไป
อย่าลอกตามหนังสือไปทั้งดุ้น และอย่าจดแบบให้มันเสร็จ ๆ ไป
หรือจดแบบให้มีตามเพื่อน (เป็นกระแสนิยม) เพราะมันจะไม่ได้ผลอะไรเลย
ควรจะสรุปประมวลออกมาเป็นเนื้อความ ตามที่เราเข้าใจ
ซึ่งต้องเข้าใจอย่างถูกต้องด้วย อาจตรวจสอบโดยการผลัดกันตอบคำถามกับเพื่อน
หรือถามครูอาจารย์ ดังนั้นอย่าขี้เกียจเขียนเลย เขียนเอง อ่านเอง
ผลที่ได้ก็อยู่ที่ตัวเองทั้งนั้นแหละ
คราวนี้ก็มาถึงการท่องจำ
ส่วน
ใหญ่เมื่อเรารู้เรื่อง เราก็จะจำบางส่วนของเนื้อหาได้แล้ว นอกจากบางวิชา
เช่น ชีวะฯ สังคม ที่เป็นวิชาท่องจำซะส่วนใหญ่
อาจต้องมีการมาท่องจำเพิ่มเติม การอ่านออกเสียงดัง ๆ ก็ช่วยให้จำดีขึ้น
แต่ไม่ควรจะรบกวนผู้อื่น (มิฉะนั้นอาจจะได้รับสิ่งไม่พึงปรารถนา)
การจำศัพท์ภาษาอังกฤษ
อาจใช้วิธีเขียนใส่กระดาษแล้วแปะตามข้างฝาที่เรามองเห็นหรือผ่านตาเป็นประจำ
เช่น ฝาข้างที่นอน ประตูห้องสุขา (ที่บ้านของตัวเองนะ)
ตามที่ที่เราต้องเห็นทุกวัน อ้อ... ประตูของตู้เย็นก็ดีนะ
เพราะเปิดออกจะบ่อย ก็หันมาเหลียวแลศัพท์ที่ตัวเองแปะไว้บ้าง เห็นบ่อย ๆ
เดี๋ยวก็เข้าสมอง
เวลาที่ดีสำหรับการอ่าน
เคย
มีคนบอกว่าเวลาที่ดีที่สุด คือ ตอนเช้า
เพราะร่างกายและสมองของเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ มีการจัดระเบียบเรียบร้อย
เพื่อให้พร้อมกับการใส่ข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไป อันนี้เป็นเรื่องจริง
แต่สำหรับคนที่ตื่นเช้าไม่ไหว เวลาดึก ๆ ที่เงียบ ๆ ก็ได้
เพราะความเงียบทำให้สมองเราสามารถคิดสิ่งต่างๆ ได้ดี
แต่อาจจะไม่เท่าตอนเช้า เพราะสมองเราต้องเหนื่อยจากการเรียนมาแล้วทั้งวัน
บางคนยังมีการเรียนพิเศษตอนเย็นอีก การอ่านหนังสือตอนกลางคืน
ควรจะอ่านเท่าที่ร่างกายรับได้ พอเริ่มง่วงสัก 5 ทุ่มก็ควรเข้านอน
แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 3 ตี 4 ตี 5
แนะนำให้ตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาที่ต้องตื่นไปสักครึ่งชั่วโมง
เพื่อที่เราจะได้มีเวลาเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนก่อนสักพัก
ถึงค่อยลุกไปล้างหน้าล้างตา มานั่งอ่าน
ขอย้ำว่าควรทำให้ตัวเองตื่นเต็มที่ก่อนจะอ่าน
เพราะไม่งั้นเดี๋ยวก็หลับคาหนังสืออีกจนได้
เวลาที่ไม่เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือเรียนเลย
คือ
ช่วงบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จอิ่ม ๆ เคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า...
พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน หรือเปล่า
เพราะช่วงบ่ายจะเป็นช่วงที่คนเรามีความง่วงนอน อ่านไปก็หลับ
ยิ่งหนังสือเรียนด้วย และไม่ควรนอนอ่านหนังสือ โดยเฉพาะบนเตียง
ขอบอกว่าหลับแน่ ๆ ไม่ใช่อ่านนิยายนี่ มันจะน่าติดตาม จนอยากอ่านให้จบ
“การอ่านหนังสือ ควรจะอ่านในสถานที่ที่สงบเงียบ และสมองของเราต้องพร้อมที่จะรับเรื่องใหม่ ๆ นั่นแหละการอ่านถึงจะได้ผลสูงสุด”
ที่มา: วิชาการดอตคอม